หนูชื่อแป้งค่ะ หนูอายุ 24 ปี และหนูก็ทำงานเป็นกะหรี่อยู่ที่พัทยาค่ะ หนูได้ทำงานเป็นกะหรี่มาเข้าปีที่ 6 แล้ว ซึ่งก่อนที่หนูมาเป็นกะหรี่ ตอนที่หนูเรียนจบ ม.3 หนูก็ไปช่วยแม่ขายปลาอยู่ที่ตลาดนัด แต่ดูเหมือนว่าเงินแค่วันละ 100 บาท มันจะไม่สามารถเลี้ยงดูชีวิตของหนูเองได้ แต่ด้วยความที่ตอนนั้นหนูอายุเพียงแค่ 15 ปี จะไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ หนูก็เลยต้องลำบากตรากตรำขายปลากับแม่ไปจนถึงอายุ 18 ปีค่ะ ตอนแรกหนูก็ได้ไปทำงานในห้างสรรพสินค้าก่อนค่ะ โดยหน้าที่ของหนูก็คือการเป็นแคชเชียร์ และในตอนนั้นที่หนูเลือกไปสมัครเป็นแคชเชียร์ในห้างสรรพสินค้า ก็เพราะว่าช่วงก่อนหน้านี้ตัวของหนูเองก็อยู่ขายของในตลาดนัด และอากาศมันก็ค่อนข้างที่จะร้อนพอสมควร หนูก็เลยอยากจะมาสัมผัสอากาศเย็นๆ ในห้างที่มีแอร์ฉ่ำๆ บ้างค่ะ แต่ถึงแม้ว่าสภาพบรรยากาศและสภาพแวดล้อมจะค่อนข้างสบายกว่าการเป็นแม่ค้าตลาดนัด แต่ว่ารายได้ที่หนูได้รับในแต่ละเดือนมันก็ไม่ได้ทำให้หนูใช้ชีวิตที่ดีขึ้นได้เลย ตอนนั้นหนูก็เลยพยายามที่จะหางานเสริม เพื่อเข้ามาเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง เผื่อว่าหนูจะได้เงินเยอะขึ้น แล้วก็สามารถเอาเงินในส่วนนี้ไปจุนเจือครอบครัวได้ด้วย เพราะว่าทุกวันนี้แม่ของหนูก็อายุเยอะขึ้นทุกวันแล้วด้วย
ในช่วงแรกที่หนูหางานเสริม หนูก็ไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านเหล้าค่ะ เพราะว่าที่ร้านเหล้าก็จะเข้างานในกะกลางคืน และช่วงเดือนแรกหนูก็สู้งานมากนะคะ แต่พอหลังจากนั้น หนูเริ่มรู้สึกตัวว่าสภาพร่างกายของหนูมันไม่ไหว เพราะกว่าร้านเหล้าจะปิด ก็ล่อไปเกือบตีหนึ่ง ตีสองแล้ว กว่าหนูจะได้นอนก็ตีสามเกือบตีสี่ แล้วต้องตื่นเช้าประมาณ 9 โมงเพื่อไปเข้างานที่ห้างต่ออีก ซึ่งสภาพของอยู่ในตอนนั้นก็ค่อนข้างที่จะสะบักสะบอมมากพอสมควร จนแม่ของหนูก็บอกว่าให้หนูเลิกทำงานที่ร้านเหล้า ด้วยเหตุผลหลายอย่างค่ะ ซึ่งเหตุผลหลักที่แม่ให้หนูอยากให้หนูเลิกทำก็คือหนูเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวที่ต้องกลับบ้านดึกดื่น และมันทำให้แม่ของหนูเป็นห่วง และหลังจากนั้นหนูก็พยายามหางานมาอยู่เรื่อยๆ และก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในห้างเหมือนกันมาแนะนำให้หนูไปเป็นกะหรี่ค่ะ ซึ่งงานนี้ก็ค่อนข้างจะอิสระพอสมควร แถมเงินที่ได้ก็ขึ้นอยู่ว่าเราจะเรียกกับลูกค้ากี่บาท หนูก็เลยลองไปทำดู ช่วงแรกหนูก็เรียกไม่แพงมากเพราะว่าหนูยังไม่มีประสบการณ์เท่าไหร่ แต่ช่วงสองสามปีหลังมานี้ หนูนอนกับลูกค้าคนนึงหนูได้พันห้าอัพตลอดเลย จนทุกวันนี้ตัวของหนูเองก็ไม่ได้ทำงานเป็นแคชเชียร์ที่ห้างแล้วค่ะ
แต่ในช่วงโควิดที่ผ่านมาก็เล่นหนูหนักเหมือนกัน เพราะว่าช่วงนั้นตัวของหนูเองก็แทบจะไม่มีงานเลย ซักวันนึงที่รับลูกค้าประมาณสองถึงสามคน แต่ช่วงที่โควิดระบาดแรกๆ หนูได้ลูกค้าแค่วันละคนเองค่ะ แถมบางวันนอนหีแห้งอยู่บ้านก็มี จนช่วงหลังโควิดมานี้อาชีพของหนูถึงกลับมาบูมอีกครั้ง และช่วงที่เปิดประเทศนะคะ ลูกค้าชาวต่างชาติมาใช้บริการเยอะมาก แถมยังให้เงินเราแบบจุกๆ แต่ไม่ใช่แค่เงินนะคะ เพราะหนูก็จุกหีด้วยค่ะ ฝรั่งแต่ละคนก็ควยใหญ่กันทั้งนั้น มีน้อยมากค่ะพี่จะควยเล็ก และมันมีอยู่ครั้งหนึ่งที่หนูอยากจะเล่ามาเป็นประสบการณ์ให้กับคนที่ทำอาชีพกะหรี่เหมือนกัน อยากจะบอกกะหรี่ทุกคนนะคะ ว่าไม่ว่าคุณจะร้อนเงินมากแค่ไหน ก็จงอย่ารับงานหมู่ค่ะ เพราะหีของคุณอาจจะพังเหมือนที่หนูเคยเป็นก็ได้
ซึ่งเหตุการณ์นี้มันก็เกิดขึ้นในช่วงหลังจากที่ลูกค้าเริ่มกลับมาเยอะอีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นเงินเก็บของหนูก็ค่อนข้างที่จะร่อยหรอมากพอสมควร ตอนนั้นหนูก็เลยรับงานเยอะมาก และก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลูกค้ามาเสนอให้ขึ้นงานหมู่ มีลูกค้า 3 คน โดยลูกค้าเสนอให้หนูห้าพันต่อชั่วโมง แล้วใครจะไม่เอาคะ ปกติได้ชั่วโมงละพันห้า แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันไม่ใช่แบบที่เราคิดเลยค่ะ ตอนที่หนูเปิดประตูโรงแรมเข้าไปหนูเจอกับหนุ่มฝรั่งสองคน และก็หนุ่มนิโกรอีกสองคน ซึ่งลูกค้าทั้งสี่คนก็นอนแก้ผ้ารอหนูอยู่ที่บนเตียง แต่ละคนก็ควยใหญ่กันทั้งนั้น โดยเฉพาะหนุ่มนิโกรทั้งสองคนที่ควยใหญ่มากๆ แค่หนูเห็นหนูก็รู้สึกจุกหีแล้ว แล้วทั้งสี่คนนี้ก็เหมือนไม่รู้ว่าไปอดเย็ดหีมาจากที่ไหน จ้องจะรุมเย็ดหีของหนูทีเดียวพร้อมกัน แต่หนูก็พยายามปฏิเสธ และได้บอกให้ลูกค้าต่อคิวกันเย็ดหนูทีละคน ส่วนคนที่ยังไม่ได้เย็ดหนูก็เอาควยมายัดใส่ปากให้หนูดูดควยให้ก็ได้ แต่ลูกค้าก็ดันพิสดาร อยากจะกระเด้าหีของหนูพร้อมกันสองคนอีก ตอนนั้นหนูรู้สึกเจ็บจนอยากจะร้องไห้ แต่ก็ทำได้แค่ร้องครางเพื่อทำให้ลูกค้าเสียวและประทับใจ แถมยังโดนลูกค้าทั้งสี่คนมาชักว่าวให้น้ำเงี่ยนแตกใส่หน้าอีกต่างหาก จนหน้าของหนูมีแต่น้ำเงี่ยนเต็มไปหมด และอยากจะบอกว่าหลังจากวันนั้นหนูก็รู้สึกเจ็บหีมากเวลาเดิน แต่อยากจะบอกว่าการรับงานเย็ดหมู่กับลูกค้าครั้งนี้ไม่คุ้มค่ากับสุขภาพหีของหนูที่เสียไปเลย ตอนนั้นหนูรับงานไม่ได้เกือบสองอาทิตย์ แล้วลองคิดดูนะคะว่าเงินห้าพันกับการที่เราไม่ได้ทำงานไปเลยสองอาทิตย์มันคุ้มค่ากันมั้ย